กองทัพทหารเรือ


กองทัพเรือไทย หรือ ราชนาวีไทย (คำย่อ: ทร.อังกฤษRoyal Thai Navy) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อการปฏิบัติการทางทหารในทะเล ลำน้ำ และพื้นที่บริเวณชายฝั่งของประเทศไทย กองทัพเรือมีจำนวนกำลังพลประจำการเป็นลำดับ 2 (รองจากกองทัพบก) ซึ่งมีเรือปฏิบัติการด้วยเรือรบกว่า 74 ลำ อากาศยานกว่า 90 เครื่อง และกำลังรบทางบกอีก 2 กองพล นับเป็นกองทัพเรือที่มีความสำคัญในลำดับต้นของภูมิภาคเอเชีย กองทัพเรือมีผู้บัญชาการทหารเรือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด โดยเป็นหน่วยงานในสังกัดของกองบัญชาการกองทัพไทย ที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา และอยู่ในสังกัดของกระทรวงกลาโหม
กองทัพเรือมีพื้นที่ปฏิบัติการหลักทั้งในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ตามแนวเขตแดนระหว่างประเทศในทะเลความยาวกว่า 1,680 ไมล์ และตามแนวชายฝั่งความยาวกว่า 1,500 ไมล์ หน่วยต่างๆ ในสังกัดกองทัพเรือมีลักษณะการจัดโครงสร้างหน่วยที่คล้ายกับกองทัพเรือสหรัฐอเมริกามาก โดยเฉพาะในหน่วยกำลังรบ คือ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ (กบร. กร.) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร. กร.) และหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.)

หน้าที่ ภารกิจ และบทบาท


กองทัพเรือมีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพเรือ การป้องกันราชอาณาจักร และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังกองทัพเรือตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551ตลอดจนหน้าที่อื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล
จากหน้าที่ดังกล่าวทำให้กองทัพเรือมีภารกิจ คือ
  1. การปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
  2. การรักษาสิทธิและอธิปไตยของชาติทางทะเล
  3. การคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
  4. การดำรงการคมนาคมทางทะเลให้ได้อย่างต่อเนื่อง
  5. การช่วยเหลือและสนับสนุนการป้องกันอธิปไตยทางบก
  6. การสนับสนุนการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ
  7. การสนับสนุนการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน
บทบาทของกองทัพเรือในปัจจุบัน คือ
  1. การปฏิบัติการทางทหาร (Military Role) คือ การปฏิบัติการทางเรือเพื่อการป้องกันประเทศในรูปแบบต่างๆ ตามสถานการณ์ที่กระทบต่ออำนาจอธิปไตยและเอกราชของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องใช้กำลังทางเรือที่เข้มแข็ง ปฏิบัติการด้วยความเฉียบพลัน รุนแรง และเด็ดขาด
  2. การรักษากฎหมายและช่วยเหลือ (Constabulary Role) คือ การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การรักษากฎหมายตามที่รัฐบาลมอบอำนาจ ให้ทหารเรือเป็นเจ้าหน้าที่รวม 28 ฉบับ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนและการพัฒนาประเทศ
  3. การสนับสนุนกิจการระหว่างประเทศ (Diplomatic Role) คือ การสนับสนุนการดำเนินนโยบายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาล และใช้หรือแสดงกำลังเพื่อสนับสนุนการเจรจาต่อรอง เมื่อมีการขัดกันในผลประโยชน์ของชาติหรือเหตุการณ์วิกฤติที่กระทบต่อผลประโยชน์ของชาติโดยตรง

ประวัติ


ธงราชนาวีไทย
กองทัพเรือมีกำเนิดควบคู่มากับการสร้างอาณาจักรไทยนับตั้งแต่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี กองทัพไทยในสมัยเดิมนั้นมีเพียงทหารเหล่าเดียวมิได้แบ่งแยกออกเป็นกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ อย่างเช่นในสมัยปัจจุบัน หากยาตราทัพไปทางบกก็เรียกว่า ทัพบก หากยาตราทัพไปทางเรือก็เรียกว่า ทัพเรือ การจัดระเบียบการปกครองบังคับบัญชากองทัพไทยในยามปกติยังไม่มีแบบแผนที่แน่นอน ในยามศึกสงครามได้ใช้ทหารทัพบกและทัพเรือรวมๆ กันไป ในการ ยาตราทัพเพื่อทำศึกสงครามภายในอาณาจักรหรือนอกอาณาจักร ก็มีความจำเป็นต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการลำเลียงทหารและเครื่องศัสตราวุธ เรือนอกจากจะสามารถลำเลียงเสบียงอาหารได้คราวละมากๆ แล้ว ยังสามารถลำเลียงอาวุธหนัก เช่น ปืนใหญ่ ไปได้สะดวกและรวดเร็วกว่าทางบกด้วย จึงนิยมยกทัพไปทางเรือจนสุดทางน้ำแล้วจึงยกทัพต่อไปทางบก กิจการทหารเรือดำเนินไปเช่นนี้จนถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
พ.ศ. 2394 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กิจการทหารเรือเริ่มแบ่งออกมาชัดเจน และแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ทหารเรือวังหลวง(ทหารมะรีนสำหรับเรือรบ) ขึ้นตรงกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมุหพระกลาโหม และ ทหารเรือวังหน้า ขึ้นตรงกับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทหารเรือวังหน้ามีหน่วยขึ้นในสังกัด คือ กรมเรือกลไฟ กรมอาสาจาม และกองทะเล (บางทีเรียกว่ากองกะลาสี) ส่วนกรมอรสุมพลมีหน่วยขึ้นในสังกัด คือ กรมเรือกลไฟ กรมอาสามอญ และกรมอาสาจาม ซึ่งทหารทั้งสองหน่วยนี้เป็นอิสระจากกัน
พ.ศ. 2408 ในสมัยต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การปกครองประเทศยังเป็นระบบจตุสดมภ์อยู่โดยมีกรมพระกลาโหมว่าการฝ่ายทหาร ในขณะนั้นกิจการฝ่ายทหารเรือแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ทหารเรือวังหน้า หรือทหารเรือฝ่ายพระราชวังบวร ขึ้นตรงกับกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) และทหารเรือวังหลวง หรือกรมอรสุมพล ขึ้นตรงกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ และต่อมาในปี พ.ศ. 2412 ขึ้นตรงกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ สมุหพระกลาโหม
พ.ศ. 2415 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูหัว ได้ทรงปรับปรุงหน่วยทหารในกองทัพขึ้นใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 9 หน่วย โดยในส่วนของทหารเรือวังหลวง คือ กรมทหารเรือพระที่นั่ง (เวสาตรี) และกรมอรสุมพล
พ.ศ. 2428 กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเสด็จทิวงคต ทหารเรือวังหน้าได้ถูกยุบเลิกไป จึงทำให้ทหารเรือในขณะนั้นมี 2 ส่วน คือ กรมทหารเรือพระที่นั่ง ขึ้นตรงกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนกรมอรสุมพล ขึ้นตรงกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ สมุหพระกลาโหม
8 เมษายน พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชาทั่วไปในกรมทหาร (Commander-in-chief) ตาม โบราณราชประเพณี เพื่อให้เกิดการประสานงานที่มีประสิทธิภาพระหว่างหน่วยทหารต่างๆ พร้อมกับประกาศจัดการทหาร โดยจัดตั้งกรมยุทธนาธิการขึ้น ซึ่งเป็นการรวมกองทหารบกและกองทหารเรือเอาไว้ด้วยกัน ทั้งหมด ขึ้นตรงกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร แต่ในระหว่างที่ยังทรงพระเยาว์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช เป็นผู้แทนผู้บังคับบัญชาการทั่วไปในกรมทหาร สำหรับกองทหารเรือทรงตั้งนายพลเรือโทพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ เป็นเจ้าพนักงานใหญ่ผู้ช่วยบัญชาการทหารเรือ (Secretary to the Navy) มีหน้าที่ คือ ให้จัดการทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายข้อบังคับทหารเรือ จำนวนผู้คนในทหารเรือ การฝึกหัดทหารเรือ เรือรบหลวง และพาหนะทางเรือ
1 เมษายน พ.ศ. 2433 ได้มีการยกเลิกประกาศจัดการทหาร พ.ศ. 2430 และได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการกรมยุทธนาธิการขึ้นแทน โดยให้เรียกกรมยุทธนาธิการใหม่ว่ากระทรวงยุทธนาธิการ(Ministry of War and Marine) แบ่งออกเป็น 2 กรม คือ กรมทหารบกและกรมทหารเรือ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายพลโทพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ (Chief Staff of the Navy) และแบ่งส่วนราชการออกเป็นกรมกลาง กองบัญชีเงิน กรมคลังพัสดุทหารเรือ กองเร่งชำระ กรมคุกทหารเรือ กรมอู่ กรมช่างกล โรงพยาบาลทหารเรือ ทหารนาวิกโยธิน เรือรบหลวงและเรือพระที่นั่งประจำการ
พ.ศ. 2435 ได้มีการจัดระเบียบการปกครองแผ่นดินใหม่ และยกเลิกการปกครองแบบจตุสดมภ์ กำหนดให้มีกระทรวงในราชการ โดยกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ปกครองบรรดาหัวเมืองต่างๆ ทั่วพระราชอาณาจักร เป็นผลให้กระทรวงกลาโหม ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการปกครองทางหัวเมือง คงมีหน้าที่เกี่ยวกับราชการทหารอย่างเดียว จึงได้โอนกรมทหารเรือมาขึ้นกับกระทรวงกลาโหม
11 ธันวาคม พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนฐานะกรมทหารเรือเป็นกระทรวงทหารเรือ และในวันเดียวกันนั้นก็ได้ประกาศแต่งตั้งจอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ
8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมกระทรวงทหารเรือกับกระทรวงทหารบกเป็นกระทรวงเดียวกัน ภายใต้นามกระทรวงกลาโหมเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก เป็นผลทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบกระเทือนดังกล่าวนี้ด้วย ทำให้ฐานะทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะตกต่ำ จำเป็นต้องพิจารณาตัดทอนรายจ่ายของประเทศให้น้อยลงให้สมดุลกับรายได้ เป็นผลทำให้มีการปรับปรุงการจัดระเบียบราชการใหม่ด้วย โดยแต่งตั้งให้นายพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร เสนาบดีกระทรวงทหารเรือเดิมเป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหม
พ.ศ. 2475 มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ กองทัพเรือถูกลดฐานะเป็นเพียงกรมทหารเรือเช่นเดิม กรมต่างๆ ของทหารเรือลดฐานะมาเป็นกองทั้งหมด เว้นแต่กรมเสนาธิการทหารเรือเท่านั้น นอกจากนั้นส่วนราชการของทหารเรือบางส่วนซึ่งได้เอาไปรวมกับฝ่ายทหารบกก็กลับมาสังกัดอยู่ในกรมทหารเรือตามเดิม
30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อกรมทหารเรือเป็นกองทัพเรือ ให้เป็นการสอดคล้องกับการเรียกชื่อส่วนรวมของทหารบกว่ากองทัพบก และขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม โดยแบ่งส่วนราชการออกเป็น 4 ส่วน คือ กรมเสนาธิการทหารเรือ กองเรือรบ สถานีทหารเรือกรุงเทพ กรมอู่ทหารเรือ กรมสรรพาวุธทหารเรือ และกรมอุทกศาสตร์
พ.ศ. 2510 พ.ศ. 2519 และ พ.ศ. 2521 ได้มีการแบ่งส่วนราชการกองทัพเรือออกเป็น 25 หน่วย ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ส่วนราชการกองทัพเรือ กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2510 พ.ศ. 2519 และ พ.ศ. 2521 นอกจากนั้นเพื่อความสะดวก ทางกองทัพเรือได้จัดกลุ่มหน่วยราชการทั้ง 25 หน่วยขึ้นเป็น 5 ส่วนราชการ คือ ส่วนบัญชาการ ส่วนกำลังรบ ส่วนยุทธบริการ ส่วนการศึกษา และส่วนกิจการพิเศษ
13 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 ได้มีการเพิ่มกรมการขนส่งทหารเรือขึ้นในส่วนยุทธบริการ และเปลี่ยนชื่อโรงเรียนนายทหารเรือเป็นสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง
15 เมษายน พ.ศ. 2530 จัดตั้งสำนักงานตรวจบัญชีทหารเรือเพิ่มเติม
พ.ศ. 2538 ได้มีการจัดส่วนราชการใหม่ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพเรือ กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2538 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2540 โดยแบ่งส่วนราชการออกเป็น 35 หน่วย และจัดเป็นกลุ่มส่วนราชการ 4 ส่วน คือ ส่วนบัญชาการ ส่วนกำลังรบ ส่วนยุทธบริการ และส่วนการศึกษา
1 เมษายน พ.ศ. 2552 ได้มีการจัดส่วนราชการใหม่ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพเรือ กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2552.[3] โดยแบ่งส่วนราชการออกเป็น 36 หน่วย และจัดเป็นกลุ่มส่วนราชการ 4 ส่วน คือ ส่วนบัญชาการ ส่วนกำลังรบ ส่วนยุทธบริการ และส่วนการศึกษาและวิจัย ทั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ คือ ในส่วนบัญชาการ ได้เปลี่ยนชื่อกรมสื่อสารทหารเรือเป็นกรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ และสำนักงานตรวจบัญชีทหารเรือเป็นสำนักงานตรวจสอบภายในทหารเรือ รวมทั้งจัดตั้งส่วนราชการใหม่เพิ่มเติม คือ สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ และสำนักงานพระธรรมนูญทหารเรือ ในส่วนกำลังรบ ได้ยุบกองเรือป้องกันฝั่ง และจัดตั้งส่วนราชการใหม่ คือ ทัพเรือภาคที่ 1 2 และ 3 รวมทั้งปรับลดฐานทัพเรือสงขลาและพังงาจากหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือไปเป็นหน่วยขึ้นตรงทัพเรือภาคที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ในส่วนยุทธบริการ ได้ย้ายสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือไปอยู่ในส่วนการศึกษาและวิจัยแทน และให้กรมอุทกศาสตร์มาอยู่ในส่วนยุทธบริการ สำหรับในส่วนการศึกษาและวิจัย ได้มีการยุบสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง

กำลังพล


  • กำลังพลหลัก มีดังต่อไปนี้ คือ
    • ทหารประจำการ หมายความว่า ทหารซึ่งรับราชการตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนดซึ่งไม่ใช่ทหารกองประจำการ[4] หรือ หมายถึง ข้าราชการทหาร ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521[5] มีดังต่อไปนี้
      • นายทหารสัญญาบัตรประจำการ หมายถึง นายทหารสัญญาบัตรซึ่งมีตำแหน่งราชการประจำในกระทรวงกลาโหม โดยสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือ มีหน้าที่ผลิตนายทหารชั้นสัญญาบัตร ซึ่งจะได้จากนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพเรือ ที่เมื่อจบหลักสูตร 2 ปีจากโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว (วิทยฐานะ ม.6) จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายเรือเป็นเวลา 5 ปี (จากการอนุมัติปรับปรุงหลักสูตรโรงเรียนทหาร ของสภาการศึกษากลาโหม เมื่อ ปี พ.ศ. 2558) โดยในระหว่างนั้นจะมีการให้นักเรียนนายเรือเลือกพรรคและเหล่าที่ต้องการ เมื่อจบหลักสูตรแล้ว (วิทยฐานะปริญญาตรี ทางวิศวกรรมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์) จะได้รับการแต่งตั้งยศเป็น "ว่าที่เรือตรี" และบรรจุเป็นข้าราชการทหาร สามารถปฏิบัติงานตามพรรคและเหล่าที่เลือกได้ทันที (จากนั้นจะได้รับพระราชทานกระบี่และพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ พระราชทานยศทหารเป็น เรือตรี) นายทหารพรรคนาวินถือเป็นกำลังพลหลักที่จะได้ปฏิบัติงานในหน่วยต่างๆ ของกองเรือยุทธการ โดยเฉพาะการประจำในเรือรบของกองเรือต่างๆ แต่ทั้งนี้นายทหารจะต้องผ่านหลักสูตรการฝึกสั้นๆ ที่กองการฝึก กองเรือยุทธการ (กฝร.) ก่อนปฏิบัติงานจริงๆ นอกจากนี้ยังเป็นกำลังพลในหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งด้วย สำหรับนายทหารพรรคกลินซึ่งจะเป็นวิศวกรไฟฟ้า วิศวกรเครื่องกลและเครื่องกลเรือก็จะคล้ายกันเพียงแต่มีจำนวนน้อยกว่า ส่วนนายทหารพรรคนาวิกโยธินก็จะเป็นกำลังพลหลักสำหรับหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หรือ นายทหารสัญญาบัตรสายแพทย์และพยาบาล ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์พระมงกุฎเกล้า (สมทบ), วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ผลิตนายทหารสัญญาบัตรเหล่าแพทย์ หรือ บุคคลพลเรือนซึ่งมีคุณวุฒิปริญญาตรีหรือเทียบเท่าขึ้นไปสมัครสอบคัดเลือกและได้รับการบรรจุเป็นนายทหารสัญญาบัตรพรรคพิเศษ
      • นายทหารประทวนประจำการ หมายถึง นายทหารประทวนซึ่งมีตำแหน่งราชการในกระทรวงกลาโหม โดยสำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนชุมพลทหารเรือ มีหน้าที่ผลิตนายทหารชั้นประทวน พรรคนาวิน เหล่าสามัญ การปืน สรรพาวุธ และพรรคกลิน หรือ โรงเรียนสายวิชาชีพเฉพาะทาง เช่น โรงเรียนพยาบาลทหารเรือ ผลิตนายทหารประทวนสายพยาบาล โรงเรียนนาวิกโยธิน โรงเรียนพลาธิการ โรงเรียนไฟฟ้าและสื่อสาร โรงเรียนขนส่ง และโรงเรียนดุริยางค์ทหารเรือ หรือ บุคคลพลเรือนซึ่งมีคุณวุฒิต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่าสมัครสอบคัดเลือกและได้รับการบรรจุเป็นนายทหารประทวนพรรคพิเศษ
    • ทหารกองประจำการ หมายความว่า ผู้ซึ่งขึ้นทะเบียนกองประจำการ และได้เข้ารับราชการในกองประจำการจนกว่าจะได้ปลด (มาตรา 4 (3) แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497)
  • กำลังพลสำรอง หมายถึง กำลังที่มิใช่กำลังประจำการและกำลังกองประจำการ (ที่ปลดเป็นกองหนุนแล้ว) เตรียมไว้สำหรับใช้ในยามสงคราม, ยามประกาศกฎอัยการศึก, ยามภาวะฉุกเฉินหรือในยามปฏิบัติการด้วยกำลังทหารขนาดใหญ่ เพื่อปกป้องคุ้มครองรักษาเอกราช และอธิปไตยของชาติ เพื่อปราบปรามคอมมิวนิสต์ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงภายในประเทศ (หน้า 58-59 หนังสือคู่มือนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3) ซึ่งประกอบด้วยกำลังต่าง ๆ ดังนี้
    • นายทหารสัญญาบัตรนอกกอง หมายถึง นายทหารสัญญาบัตรซึ่งไม่มีตำแหน่งราชการประจำในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมสั่งให้เป็นนายทหารสัญญาบัตรประเภทนี้ (โอนไปรับราชการในกระทรวงอื่น)
    • นายทหารสัญญาบัตรกองหนุน หมายถึง นายทหารสัญญาบัตรซึ่งไม่มีตำแหน่งราชการประจำในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมสั่งให้เป็นนายทหารสัญญาบัตรประเภทนี้ (ผู้ที่เคยเป็นนายทหารสัญญาบัตรประจำการและได้ลาออกจากราชการทหารไปแล้ว (มีเบี้ยหวัด) หรือ นายทหารสัญญาบัตรที่สำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (ไม่มีเบี้ยหวัด)) คือ นักศึกษาวิชาทหาร ที่สำเร็จชั้นปีที่ 5 ในส่วนของกองทัพเรือ และได้รับการแต่งตั้งยศทหารเป็น ว่าที่เรือตรี (แล้วปลดเป็นนายทหารกองหนุน ไม่มีเบี้ยหวัด) ซึ่งเป็นกำลังพลสำรองระดับชั้นสัญญาบัตรที่กองทัพเรือได้ผลิตขึ้นโดยรับสมัครผู้มีคุณสมบัติที่กำหนดตามระเบียบของกระทรวงกลาโหม และกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร กองทัพเรือจึงได้อนุมัติจัดตั้งกองการกำลังพลสำรอง สังกัดกรมกำลังพลทหารเรือ เพื่อทำหน้าที่ในการพัฒนาและผลิตกำลังพลสำรองของกองทัพเรือให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ในแผนแม่บทการพัฒนาระบบกำลังสำรองของกองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อสำเร็จตามหลักสูตรแล้วปลดเป็นกองหนุน โดยกำหนดช่วงอายุเป็นเกณฑ์ คือ
ยศ (ว่าที่) ร.ต.- ร.อ. อายุไม่เกิน 45 ปี
ยศ (ว่าที่) น.ต.- น.ท. อายุไม่เกิน 50 ปี
ยศ (ว่าที่) น.อ. - นายพล อายุไม่เกิน 55 ปี
เมื่อครบกำหนดช่วงอายุตามชั้นยศแล้ว จะปลดเป็น นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ และ นายทหารสัญญาบัตรพ้นราชการ ไปตามลำดับ
    • นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ หมายถึง นายทหารสัญญาบัตรซึ่งไม่มีตำแหน่งราชการประจำในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมสั่งให้เป็นนายทหารสัญญาบัตรประเภทนี้ โดยถืออายุไม่เกินกำหนด คือ
ยศ (ว่าที่) ร.ต.- ร.อ. อายุไม่เกิน 55 ปี
ยศ (ว่าที่) น.ต.- น.ท. อายุไม่เกิน 60 ปี
ยศ (ว่าที่) น.อ. - นายพล อายุไม่เกิน 65 ปี
    • นายทหารสัญญาบัตรพ้นราชการ หมายถึง นายทหารสัญญาบัตรซึ่งไม่มีตำแหน่งราชการประจำในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมสั่งให้เป็นนายทหารสัญญาบัตรประเภทนี้ โดยถูกปลดและถูกถอดยศ หรือ มีอายุพ้นเกณฑ์นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ คือ
ยศ (ว่าที่) ร.ต.- ร.อ. อายุเกิน 55 ปี
ยศ (ว่าที่) น.ต.- น.ท. อายุเกิน 60 ปี
ยศ (ว่าที่) น.อ. - นายพล อายุเกิน 65 ปี
    • นายทหารประทวนกองหนุน หมายถึง นายทหารประทวนที่ปลดจากประจำการ (ลาออกจากราชการทหาร) แต่ยังอยู่ในชั้นกองหนุน หรือ นักศึกษาวิชาทหารซึ่งสำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (นักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 3) และได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการแล้วปลดเป็นทหารกองหนุนตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 และได้รับการแต่งตั้งยศเป็นนายทหารประทวน ซึ่งยังอยู่ในชั้นกองหนุน ดังนั้น การฝึกนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 1 ในส่วนของกองทัพเรือจึงเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2552 ณ ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยผู้ที่จะเข้าเป็นนักศึกษาวิชาทหารในส่วนของกองทัพเรือนั้น จะต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันออกเท่านั้น(ชลบุรี,ระยอง,จันทบุรี และ ตราด) ซึ่งระเบียบการนี้จะมีผลเข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะต้องการกำลังพลที่อาศัยอยู่ภูมิลำเนาขั้นต้น และมีความเข้าใจถึง ภูมิประเทศ สังคม และวัฒนธรรมท้องถิ่น
    • นายทหารประทวนพ้นราชการ หมายถึง นายทหารประทวนซึ่งอยู่ในชั้นกองหนุนครบ 23 ปี นับจากวันปลดจากกองประจำการ
    • พลทหารกองหนุน และ จ.ต.กองประจำการ กองหนุน หมายถึง ทหารที่ปลดจากกองประจำการโดยรับราชการในกองประจำการจนครบกำหนดตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 หรือ ทหารที่ปลดจากกองประจำการโดยรับราชการในกองประจำการยังไม่ครบกำหนด แต่ต้องจำขัง หรือมีโทษจำคุกกำหนดวันที่ต้องลงทัณฑ์ หรือต้องโทษรวมได้ไม่น้อยกว่า 1 ปีหรือทหารกองประจำการผู้ใด ซึ่งกระทรวงกลาโหมเห็นว่าจะกระทำการเสื่อมเสียให้แก่ราชการทหารด้วยประการใด ๆ แล้วปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ก็ได้ หรือ ทหารกองเกินซึ่งมีอายุครบ 30 ปีบริบูรณ์ เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 2 หรือ นักศึกษาวิชาทหารซึ่งสำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหารและได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการแล้วปลดเป็นทหารกองหนุนตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 และยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารประทวน
    • พลทหารพ้นราชการ หมายถึง ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 ซึ่งอยู่ในชั้นกองหนุนครบ 23 ปี นับจากวันปลดจากกองประจำการ หรือ ทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ที่มีอายุครบ 46 ปี บริบูรณ์ หรือ พลทหารกองประจำการที่พิการทุพพลภาพหรือมีโรคซึ่งไม่สามารถรับราชการทหารได้ หรือ ทหารกองหนุนที่พิการทุพพลภาพหรือมีโรคซึ่งไม่สามารถรับราชการทหารได้ หรือ ทหารกองเกินที่พิการทุพพลภาพหรือมีโรคซึ่งไม่สามารถรับราชการทหารได้

ยศทหารเรือไทย


ชื่อยศ
(ไทย)
อักษรย่อ
(ไทย)
ชื่อยศ
(อังกฤษ)
อักษรย่อ
(อังกฤษ)
ชื่อยศ
(ไทย)
อักษรย่อ
(ไทย)
ชื่อยศ
(อังกฤษ)
อักษรย่อ
(อังกฤษ)
1. ชั้นสัญญาบัตร2. ชั้นประทวน
1.1 จอมพลเรือ-Admiral of the Fleet-2.1 พันจ่าเอกพ.จ.อ.Chief Petty Officer First ClassCPO1
1.2 พลเรือเอกพล.ร.อ.AdmiralADM2.2 พันจ่าโทพ.จ.ท.Chief Petty Officer Second ClassCPO2
1.3 พลเรือโทพล.ร.ท.Vice AdmiralVADM2.3 พันจ่าตรีพ.จ.ต.Chief Petty Officer Third ClassCPO3
1.4 พลเรือตรีพล.ร.ต.Rear AdmiralRADM2.4 จ่าเอกจ.อ.Petty Officer First ClassPO1
1.5 นาวาเอก (พิเศษ)น.อ.(พิเศษ)Special CaptainSPEC CAPT2.5 จ่าโทจ.ท.Petty Officer Second ClassPO2
1.6 นาวาเอกน.อ.CaptainCAPT2.6 จ่าตรีจ.ต.Petty Officer Third ClassPO3
1.7 นาวาโทน.ท.CommanderCDR3. ทหารกองประจำการ
1.8 นาวาตรีน.ต.Lieutenant CommanderLCDR3.1 พลทหารพลฯSeaman-
1.9 เรือเอกร.อ.LieutenantLT4. นักเรียนทหาร
1.10 เรือโทร.ท.Lieutenant Junior GradeLT JG4.1 นักเรียนนายเรือนนร.Naval Cadet-
1.11 เรือตรีร.ต.Sub LieutenantSUB LT4.2 นักเรียนจ่าทหารเรือนรจ.Naval Rating Student-

เหล่าทหาร[แก้]

พรรคนาวิน (นว.) General Lineพรรคกลิน (กล.) Engineering Lineพรรคนาวิกโยธิน (นย.) Marine Corpsพรรคพิเศษ (พศ.) Staff (Special Corps)
เหล่าทหารการปืน (ป.) Gunner's Mateเหล่าทหารไฟฟ้า (ฟ.) Electrician Corpsเหล่าทหารราบ (ร.) Infantryเหล่าทหารสารบรรณ (สบ.) Yeoman (Administration)
เหล่าทหารอาวุธใต้น้ำ (ด.) Torpedoman's Mateเหล่าทหารเครื่องกล (ย.) Engine Corpsเหล่าทหารปืนใหญ่ (ป.) Artilleryเหล่าทหารพลาธิการ (พธ.) Supply Corps
เหล่าทหารสามัญ (ส.) Quartermaster and Coxswainเหล่าทหารช่าง (ช.) Corps of Engineerเหล่าทหารการเงิน (กง.) Finance Corps
เหล่าทหารสัญญาณ (ญ.) Signal Corpsเหล่าทหารสื่อสาร (สส.) Signal Corpsเหล่าทหารพระธรรมนูญ (ธน.) Judge Advocate General's Corps
เหล่าทหารอุทกศาสตร์ (อศ.) Hydrographic Corpsเหล่าทหารช่างยุทธโยธา (ยย.) Civil Engineer
เหล่าทหารขนส่ง (ขส.) Transportation Corpsเหล่าทหารวิทยาศาสตร์ (วศ.) Science Corps
เหล่าทหารสรรพาวุธ (สพ.) Ordnance Corpsเหล่าทหารดุริยางค์ (ดย.) Band
เหล่าทหารอุตุนิยมวิทยา (อ.) Meteorological Corpsเหล่าทหารแพทย์ (พ.) Medical Corps
เหล่าทหารสารวัตร (สห.) Military Police Corps
เหล่าทหารการข่าว (ขว.) Intelligence Corps

ยุทโธปกรณ์ประจำการ[แก้]

เรือรบ[แก้]

ชั้นเรือประเทศต้นกำเนิดจำนวนชื่อประจำการรายละเอียด
เรือบรรทุกอากาศยาน
aircraft carrierสเปน1เรือหลวงจักรีนฤเบศร2540ปัจจุบันประจำการด้วยอากาศยานปีกหมุน
เรือดำน้ำ
S-26Tธงของประเทศจีน จีน0
(3)
...
...
...
เรือยกพลขึ้นบก
Endurance สิงคโปร์1เรือหลวงอ่างทอง2012
สีชัง ไทย2เรือหลวงสีชัง1987
เรือหลวงสุรินทร์1988
เรือฟริเกต
DW3000F ธงของประเทศเกาหลีใต้ เกาหลีใต้
 ไทย
0
(2)
เรือหลวงท่าจีนมีแผนซื้อสิทธิบัตรจากบริษัทแดวู[7]
...มีแผนซื้อสิทธิบัตรจากบริษัทแดวู[8]
Knoxธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐ2เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก1994ปัจจุบันปลดประจำการ
เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย1997ปัจจุบันปลดประจำการ
นเรศวร ไทย
ธงของประเทศจีน จีน
2เรือหลวงนเรศวร1995
เรือหลวงตากสิน1995
Type 053ธงของประเทศจีน จีน4เรือหลวงเจ้าพระยา1991
เรือหลวงบางปะกง1991
เรือหลวงกระบุรี1992
เรือหลวงสายบุรี1992
Vosper Mk.7 สหราชอาณาจักร1เรือหลวงมกุฎราชกุมาร1973
Cannonธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐ1เรือหลวงปิ่นเกล้า
เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง
ปัตตานีธงของประเทศจีน จีน
 ไทย
2เรือหลวงปัตตานี2005
เรือหลวงนราธิวาส2005
River สหราชอาณาจักร
 ไทย
1เรือหลวงกระบี่2013ซื้อแบบจากอังกฤษ ต่อในไทย
เรือคอร์เวต
รัตนโกสินทร์ธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐ2เรือหลวงรัตนโกสินทร์1986
เรือหลวงสุโขทัย1987
คำรณสินธุ์ ไทย3เรือหลวงคำรณสินธุ์1992
เรือหลวงทะยานชล1992
เรือหลวงล่องลม1992
PF-103ธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐ2เรือหลวงตาปี1971
เรือหลวงคีรีรัฐ1974

อาวุธ[แก้]

ชื่อประเทศต้นกำเนิดประเภทจำนวนข้อมูล
ตอร์ปิโด สติงเรย์ สหราชอาณาจักรปราบเรือดำน้ำ96
Selenia Aspideธงของประเทศอิตาลี อิตาลีBVRAAM99
RIM-162 ESSMธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐจรวดต่อต้านอากาศยาน0(+9)สั่งซื้อ +9 ใช้ในเรือฟริเกต
เอ็กโซเซต์ธงของประเทศฝรั่งเศส ฝรั่งเศสจรวดต่อต้านเรือรบ84
C-801/CSS-N-4/Sardine จีนจรวดต่อต้านเรือรบ78
C-802/CSS-N-8 จีนจรวดต่อต้านเรือรบ60
เอจีเอ็ม-84 ฮาร์พูนธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐจรวดต่อต้านเรือรบ67
Mistralธงของประเทศฝรั่งเศส ฝรั่งเศสจรวดต่อต้านอากาศยาน60ใช้ในระบบป้องกันตัวของเรือหลวงจักรีนฤเบศร
Mi 9 ไทยทุ่นระเบิดล่องหนไม่ทราบแน่ชัด แต่ดำเนินการผลิตอยู่ในจำนวนหลายสิบลูก
Mi 11 ไทยทุ่นระเบิดล่องหนไม่ทราบแน่ชัด แต่ดำเนินการผลิตอยู่ในจำนวนหลายสิบลูก

อากาศยาน[แก้]

บริษัทชื่อประเทศต้นกำเนิดประเภทจำนวนข้อมูล
FokkerF.27-200/400ธงของประเทศเนเธอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ลำเลียงทางยุทธวิธี, ต่อต้านเรือดำน้ำ6
Lockheed CorporationP-3T/UP-3Tธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐปราบเรือดำน้ำ/ต่อต้านเรือ3
CanadairCL-215ธงของประเทศแคนาดา แคนาดาค้นหาและช่วยเหลือ, ต่อสู้1
GAFN.24A Normadธงของประเทศออสเตรเลีย ออสเตรเลียลำเลียงทางยุทธวิธี5
CessnaT-337ธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐฝึก, โจมตี, ลาดตระเวน14
Naval Aircraft ExperimentalNAX Seaplane ไทยลาดตระเวน2
EmbraerERJ-135LRธงของประเทศบราซิล บราซิลธุรการ, ส่งกลับสายการแพทย์2
Bell HelicopterBell 212ธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐลำเลียงทางยุทธวิธี8
Bell HelicopterBell 214STธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐธุรการ7
Sikorsky Aircraft CorporationSH-60B Seahawkธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐปราบเรือดำน้ำ/ต่อต้านเรือ,ค้นหาและช่วยเหลือ6ใช้ในหน่วยการบินของเรือหลวงจักรีนฤเบศร
Sikorsky Aircraft CorporationS-76Bธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐค้นหาและช่วยเหลือ5
Sikorsky Aircraft CorporationMH-60S Knighthawkธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐลำเลียงทางยุทธวิธี, ค้นหาและช่วยเหลือ2
AgustaWestlandSuper Lynx 300ธงของสหราชอาณาจักร สหราชอาณาจักรต่อต้านเรือรบ2ใช้ในเรือOPV
Defense Technology InstituteUAV DTI RTN KSM150 ไทยอากาศยานไร้คนขับ2

ยุทโธปกรณ์ที่ปลดประจำการแล้ว[แก้]

เรือ[แก้]

ชั้นประเทศต้นกำเนิดจำนวนเรือระยะเวลาใช้งานรายละเอียด
เรือลาดตระเวน
เรือชั้นนเรศวรธงของประเทศอิตาลี อิตาลี2เรือหลวงนเรศวร(ลำที่1)
เรือหลวงตากสิน(ลำที่1)
-ติดตั้งปืนเรือจากสวีเดน ขนาด152ม.ม. 6กระบอก ขนาด75ม.ม. 6กระบอก ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด40ม.ม.จากญี่ปุ่น 8กระบอก
แท่นยิงตอร์ปิโด45ซ.ม. 2แท่น 6ท่อยิง จากญี่ปุ่น เรือยังต่อไม่เสร็จ ถูกอิตาลียึดไปใช้งานในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในชื่อ Etna และ Vesuvio
เรือลาดปืนยามฝั่ง
Admiral-class battlecruisersแม่แบบ:Country data Empire of uk2เรือหลวงธนบุรี
เรือหลวงศรีอยุธยา
1938-1941
1938-1951
เกยฝั่งในยุทธนาวีเกาะช้าง ต่อมาถูกกู้และปลดประจำการจัดเป็นอนุสรณ์สถาน ณ โรงเรียนนายเรือจังหวัดสมุทรปราการ (เฉพาะป้อมปืนหน้าและหอบังคับการ) 
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2502 จึงได้ตัดส่วนป้อมปืนเรือและหอบังคับการของเรือมาจัดตั้ง
เป็นอนุสรณ์ ณ โรงเรียนนายเรือ จังหวัดสมุทรปราการ
จมในกบฏแมนฮัตตัน
เรือชั้นรัตนโกสินทร์ สหราชอาณาจักร2เรือหลวงรัตนโกสินทร์ (ลำที่1)
เรือหลวงสุโขทัย (ลำที่1)
1929-1969
1929-1972
?
?
เรือดำน้ำ
เรือชั้นมัจฉาณุ จักรวรรดิญี่ปุ่น4เรือหลวงมัจฉาณุ
เรือหลวงวิรุณ
เรือหลวงสินสมุทร
เรือหลวงพลายชุมพล
1938-1951
1938-1951
1938-1951
1938-1951
?
?
?
?
เรือฟริเกต
Tacoma classธงของสหรัฐอเมริกา สหรัฐ2เรือหลวงประแสร์ ลำที่2
เรือหลวงท่าจีน ลำที่2
1951-2000
1951-2000
เดิมเป็นเรือฟริเกตชั้น Tacoma ชื่อ USS Gallup (PF-47) ซึ่งทางรัฐบาลไทยได้จัดซื้อจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ปฏิบัติภารกิจ
ในสงครามเกาหลีต่อทันทีหลังจากที่ได้รับมอบเสร็จ ภายหลังได้ปลดระวางประจำการเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2543 และนำไปตั้งเป็นอนุสรณ์
ที่ปากแม่น้ำประแสร์ จังหวัดระยอง
เดิมเป็นเรือฟริเกตชั้น Tacoma ชื่อ USS Glendale (PF-36) ซึ่งทางรัฐบาลไทยได้จัดซื้อจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ปฏิบัติภารกิจ
ในสงครามเกาหลีต่อทันทีหลังจากที่ได้รับมอบเสร็จ ภายหลังได้ปลดระวางประจำการเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2543 และนำไปตั้งเป็นอนุสรณ์
ที่โรงเรียนเตรียมทหาร จังหวัดนครนายก
เรือสลุป
เรือชั้นแม่กลอง จักรวรรดิญี่ปุ่น2เรือหลวงแม่กลอง
เรือหลวงท่าจีน ลำที่1
1937-1995
1937-1951
ปลดระวางประจำการเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2538 ปัจจุบันถูกจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ ป้อมพระจุลจอมเกล้าจังหวัดสมุทรปราการ
ถูกทิ้งระเบิดจนเสียหายหนักในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา และถูกปลดประจำการหลังสงครามจบ
เรือคอร์เวต
Flower class สหราชอาณาจักร2เรือหลวงบางกะปง
เรือหลวงประแสร์ ลำที่1
1947-1951
1947-1951
ใช้ในสงครามเกาหลี
เกยฝั่งในสงครามเกาหลี

อากาศยาน[แก้]

อากาศยานประเทศต้นกำเนิดประเภทระยะเวลาใช้งานจำนวนรายละเอียด
Avro 504N สหราชอาณาจักร/ ไทยฝึกบิน1929-19482สร้างภายในประเทศ
Mitsubishi A6M Zero จักรวรรดิญี่ปุ่นขับไล่1942-19451
WS-103S จักรวรรดิญี่ปุ่นลาดตระเวน1935-?6
Nakajima E8N จักรวรรดิญี่ปุ่นลาดตระเวน1938-?45
Aichi E13A1 จักรวรรดิญี่ปุ่นลาดตระเวน1939-?6สั่งซื้อ 3 เครื่องในปี 1939 และ 3 เครื่องในปี 1941
Cessna O-1G สหรัฐลาดตระเวน1968-?8
Cessna U-17 สหรัฐลาดตระเวน1974-?6+
Piper L-4 สหรัฐลาดตระเวน1973-?2
Douglas C-47 สหรัฐลำเลียง1973-? ?
Grumman HU-16D สหรัฐค้นหาและช่วยเหลือ1962-?3
Grumman S-2 Tracker สหรัฐปราบเรือดำน้ำ1966-199912
Hawker Siddeley AV-8S Matador สหราชอาณาจักรขับไล่-ต่อสู้ (ประจำเรือ)1997-20069เคยประจำการกับเรือหลวงจักรีนฤเบศร
Ling-Temco-Vought A-7E Corsair II สหรัฐโจมตี1981-200718ไม่สามารถทำการบินได้
Bell UH-1H สหรัฐเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป1975-?4

อาวุธ[แก้]

อาวุธประเทศต้นกำเนิดประเภทระยะเวลาใช้งานจำนวนรายละเอียด
Blowpipe (missile) สหราชอาณาจักรจรวดพื้น-สู่-อากาศ ?-?200
Sea Cat สหราชอาณาจักรจรวดพื้น-สู่-อากาศ ?-?8

กองเรือยุทธการ[แก้]

เครื่องหมายราชการของกองเรือยุทธการ
เรือรบขนาดใหญ่ที่ประจำการในกองทัพเรือไทยจะต่อจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน สหราชอาณาจักร อิตาลีสิงคโปร์ สเปน หรือ เยอรมนี ในขณะที่เรือรบซึ่งมีขนาดเล็กหรือเป็นเรือที่ไม่ใช่เรือรบหลัก ส่วนใหญ่จะต่อจากอู่ภายในประเทศทั้งอู่ของเอกชนและอู่ของกรมอู่ทหารเรือเอง เช่น เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ เรือตรวจการณ์ปืน เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง เรือตรวจการณ์ชายฝั่ง เรือยกพลขึ้นบก เรือระบายพล เรือสนับสนุนการต่อต้านทุ่นระเบิด เรือน้ำมัน เรือน้ำ เรือลากจูง เรือสำรวจ เป็นต้น

กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ[แก้]

อากาศยานของกองการบินทหารเรือสร้างจากต่างประเทศทั้งหมด โดยส่วนใหญ่มาจาก สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีจาก สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ บราซิล และ แคนาดาทั้งนี้อากาศยานจำนวนประมาณเกือบครึ่งหนึ่ง เป็นอากาศยานที่ได้รับการออกแบบให้สามารถปฏิบัติการจากเรือรบผิวน้ำของกองทัพเรือได้ คือ จากเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ เรือฟริเกต เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ หรือเรือส่งกำลังบำรุงขนาดใหญ่ ส่วนที่เหลือเป็นอากาศยานที่ต้องปฏิบัติการจากสนามบินบนฝั่ง
  • เครื่องบินขับไล่/โจมตี 27 เครื่อง
  • เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล 13 เครื่อง
  • เครื่องบินตรวจการณ์ 14 เครื่อง
  • เครื่องบินลำเลียง 11 เครื่อง
  • เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเล 8 เครื่อง
  • เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง 18 เครื่อง
  • อากาศยานไร้คนขับ 2 เครื่อง

หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (หน่วยซีล หรือ SEAL)[แก้]

  • กำลังพลนักทำลายใต้น้ำจู่โจม 3 กองรบพิเศษ
  • อาวุธประจำกาย ปืนพก ขนาด 11 มม. Heckler & Koch USP ปืนเล็กกล ขนาด 9 มม. Heckler & Koch MP-5K/MP-5SD, Heckler & Koch UMP-9 ปืนเล็กสั้น ขนาด 9 มม. Heckler & Koch G36KV เครื่องยิงลูกระเบิดจากปืนเล็กยาว ขนาด 40 มม. Heckler & Koch AG36 ปืนกลเบา ขนาด 5.56 มม. M249 Para, Heckler & Koch HK23E ปืนเล็กยาวซุ่มยิง ขนาด 7.62 มม. Heckler & Koch MSG-1 ปืนเล็กยาวซุ่มยิง ขนาด 12.7 มม. M82, Accuracy International AW50
  • เรือปฏิบัติการพิเศษ 7 ลำ

หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน[แก้]

  • กำลังพลนาวิกโยธิน 1 กองพล (3 กรมทหารราบ 1 กรมทหารปืนใหญ่ 1 กรมสนับสนุน 1 กรมรักษาความปลอดภัย)
  • อาวุธประจำกาย ปืนพก ขนาด 11 มม. M1911 ปืนเล็กสั้น ขนาด 5.56 มม. M4A1/M4A3, Heckler & Koch G36C ปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มม. M16A1/M16A2, Norinco CQ M-311 เครื่องยิงลูกระเบิดจากปืนเล็กยาว ขนาด 40 มม. M203 ปืนกลเบา ขนาด 5.56 มม. M249 ปืนเล็กยาวซุ่มยิง ขนาด 7.62 มม. Knights Armament SR-25 (Mk.11 mod.0)
  • อาวุธประจำหน่วย ปืนกลกลาง ขนาด 7.62 มม. M60 ปืนกลหนัก ขนาด 12.7 มม. M2 เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 มม. M19 เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 มม. M29 ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ขนาด 106 มม. M40 อวป.ต่อสู้รถถัง M47 Dragon, Messerschmitt-Bölkow-Blohm (MBB) Armbrust
  • รถถังหลัก Type 69 II
  • รถสะเทินน้ำสะเทินบก AAV
  • รถเกราะ V-150, BTR-3E1
  • รถยนต์บรรทุก HMMWV ติด อวป.ต่อสู้รถถัง TOW
  • เครื่องยิงลูกระเบิดขนาดหนัก ขนาด 120 มม. M120
  • ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง ขนาด 105 มม. M101A1, M101A1 (ปรับปรุง) ใช้ลำกล้องของปืนใหญ่ Giat LG1
  • ปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 155 มม. Space Research Corporation GC-45, Noricum GHN-45

หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง[แก้]

  • กำลังพล 1 กองพล (2 กรมต่อสู้อากาศยาน 1 กรมรักษาฝั่ง 1 กรมสนับสนุน 2 ศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง)
  • อาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่-อากาศ QW-18, PL-9
  • ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 20 มม.
  • ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 37 มม. Type 74
  • ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 40 มม. Bofors L70 และ Bofors L60
  • ปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 130 มม. Type 59
  • ปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 155 มม. Noricum GHN-45
  • เรดาร์และออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Type 702 สำหรับปืนต่อสู้อากาศยาน Type 74
  • เรดาร์ควบคุมการยิง Type 311B สำหรับปืนต่อสู้อากาศยาน Type 74
  • เรดาร์ควบคุมการยิง Thales Flycatcher สำหรับปืนต่อสู้อากาศยาน Bofors L70
  • เรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศ ASR-8 (AN/GPN-20/27)
  • เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ แบบเคลื่อนที่ Thales BOR-A 550

เรือรบของกองทัพเรือไทย[แก้]


ระเบียบการใช้คำนำหน้าชื่อเรือ[แก้]

  • เรือที่มีระวางขับน้ำปกติตั้งแต่ 150 ตันขึ้นไป กองทัพเรือใช้คำว่า "เรือหลวง" หรือคำย่อว่า "ร.ล." เป็นคำนำหน้าชื่อเรือ อันเป็นการแสดงถึงความเป็นเรือรบของพระมหากษัตริย์ โดยในภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า "His Thai Majesty's Ship" หรือใช้คำย่อว่า "HTMS" เป็นคำนำหน้าชื่อเรือ เช่น เรือหลวงนเรศวร หรือ ร.ล.นเรศวร หรือ HTMS Naresuan ทั้งนี้ชื่อเรือเหล่านี้ให้ขอพระราชทานพระมหากษัตริย์ทรงตั้ง
  • เรือที่มีระวางขับน้ำปกติต่ำกว่า 150 ตันลงมา กองทัพเรือใช้ตัวอักษรระบุชนิด/หน้าที่ของเรือ เป็นคำนำหน้า และมีหมายเลขเรือต่อท้าย เช่น ต.991 ทั้งนี้ชื่อเรือเหล่านี้กองทัพเรือเป็นผู้ตั้งเอง

ระเบียบการตั้งชื่อเรือ[แก้]

พิพิธภัณฑ์เรือหลวงท่าจีน โรงเรียนเตรียมทหาร
  • เรือพิฆาต ตั้งตามชื่อตัว ชื่อบรรดาศักดิ์ หรือชื่อสกุล ของบุคคลที่เป็นวีรบุรุษของชาติ เช่น ร.ล.นเรศวร ร.ล.ตากสิน ร.ล.ปิ่นเกล้า
  • เรือฟริเกต ตั้งตามชื่อแม่น้ำสายสำคัญ เช่น ร.ล.เจ้าพระยา ร.ล.ตาปี ร.ล.สายบุรี
  • เรือคอร์เวต ตั้งตามชื่อเมืองหลวงหรือเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น ร.ล.สุโขทัย ร.ล.รัตนโกสินทร์
  • เรือเร็วโจมตี
    • เรือเร็วโจมตี (อาวุธปล่อยนำวิถี) ตั้งตามชื่อเรือรบในทะเลสมัยโบราณที่มีความหมายเหมาะสมแก่หน้าที่ของเรือนั้นๆ เช่น ร.ล.ราชฤทธิ์ ร.ล.ปราบปรปักษ์
    • เรือเร็วโจมตี (ปืน) และเรือเร็วโจมตี (ตอร์ปิโด) ตั้งตามชื่อจังหวัดชายทะเล เช่น ร.ล.ชลบุรี ร.ล.ภูเก็ต
  • เรือดำน้ำ ตั้งตามชื่อผู้มีอิทฤทธิ์ในนิยายหรือวรรณคดีเกี่ยวกับการดำน้ำ เช่น ร.ล.มัจฉานุ
  • เรือทุ่นระเบิด ตั้งตามชื่อสมรภูมิที่สำคัญ เช่น ร.ล.บางระจัน ร.ล.ลาดหญ้า
  • เรือยกพลขึ้นบก เรือส่งกำลังบำรุง เรือน้ำมัน เรือน้ำ เรือลากจูง และเรือลำเลียง ตั้งตามชื่อเกาะ เช่น ร.ล.สีชัง ร.ล.สิมิลัน
  • เรือตรวจการณ์
    • เรือตรวจการณ์ (ปืน) ตั้งชื่อตามอำเภอชายทะเล เช่น ร.ล.สัตหีบ ร.ล.หัวหิน
    • เรือตรวจการณ์ (ปราบเรือดำน้ำ) ตั้งตามชื่อเรือรบในลำน้ำสมัยโบราณที่มีความเหมาะสมแก่หน้าที่ของเรือนั้น เช่น ร.ล.คำรณสินธุ ร.ล.ล่องลม
  • เรือสำรวจ ตั้งชื่อตามดาวสำคัญ เช่น ร.ล.ศุกร์ ร.ล.พฤหัสบดี
  • เรือหน้าที่พิเศษ ตั้งชื่อด้วยถ้อยคำที่มีความหมายเหมาะสมแก่หน้าที่ของเรือนั้นๆ
  • เรือที่ไม่ได้กล่าวไว้ ให้พิจารณาตั้งชื่อตามความเหมาะสมเป็นคราวๆ ไป เช่น ร.ล.จักรีนฤเบศร ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ หรือเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ตั้งตามชื่อจังหวัดชายทะเล เช่น ร.ล.ปัตตานี ร.ล.นราธิวาส

หลักการกำหนดหมายเลขเรือ[แก้]

  • หมายเลขตัวที่ 1 แสดงประเภทเรือ (Type) ซึ่งกำหนดไว้ 9 ประเภท คือ
    • หมายเลข 1 เรือบัญชาการและสนับสนุนการยกพลขึ้นบก
    • หมายเลข 2 เรือดำน้ำ
    • หมายเลข 3 เรือเร็วโจมตี
    • หมายเลข 4 เรือพิฆาต เรือฟริเกต และเรือคอร์เวต
    • หมายเลข 5 เรือตรวจการณ์
    • หมายเลข 6 เรือทุ่นระเบิด
    • หมายเลข 7 เรือยกพลขึ้นบก
    • หมายเลข 8 เรืออุทกศาสตร์ เรือช่วยรบ และเรือประเภทอื่นๆ
    • หมายเลข 9 เรือบรรทุกอากาศยาน
  • หมายเลขตัวที่ 2 แสดงชุดหรือชั้นของเรือ (Class) โดยเรือที่มีคุณลักษณะใกล้เคียงกันจะมีการจัดรวมไว้ในชุดเดียวกัน
  • หมายเลขตัวที่ 3 แสดงลำดับที่ของเรือในชุดนั้นๆ โดยเริ่มจากลำดับที่ 1 เรียงต่อกันไปตามลำดับ หากเรือชุดมีเกิน 9 ลำ เรือลำที่ 10 จะเพิ่มเป็น 4 ตัว

ระเบียบการเขียนชื่อเรือ[แก้]

  • ชื่อเรือที่มีระวางขับน้ำปกติตั้งแต่ 150 ตันขึ้นไป ให้ทำด้วยทองเหลืองบนพื้นสีน้ำเงิน ติดกับตัวเรือตอนท้ายสุดเหนือแนวน้ำ ยกเว้นเรือบางลำหรือบางประเภท ถ้าติดชื่อเรือบริเวณดังกล่าวไม่สะดวก ให้ติดไว้ข้างเรือตอนท้ายทั้งสองข้าง ส่วนเรือดำน้ำ ให้ติดไว้กับตัวเรือทั้งสองข้างค่อนทางหัวเรือเหนือแนวน้ำขณะลอยลำเต็มที่
  • ชื่อเรือที่มีระวางขับน้ำปกติต่ำกว่า 150 ตันลงมา ให้เขียนด้วยสีขาวไว้กับตัวเรือทั้งสองข้างตอนหัวเรือ ตรงกึ่งกลางระหว่างแนวน้ำกับแนวกราบเรือ
  • ให้ติดป้ายชื่อเรือที่มีระวางขับน้ำตั้งแต่ 100 ตันขึ้นไป และเรือประเภทเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ที่ข้างสะพานเดินเรือทั้งสองกราบ เป็นภาษาไทยอยู่ด้านบน และภาษาอังกฤษอยู่ด้านล่าง โดยลักษณะของป้ายชื่อเรือ ให้เป็นไปตามที่กองเรือยุทธการกำหนด
  • การเขียนหมายเลขเรือให้ใช้ตัวเลขอาระบิค

ระเบียบการแบ่งชั้นเรือ[แก้]

  • เรือที่มีอัตราผู้บังคับการเรือ ให้จัดแบ่งตามชั้นยศของผู้บังคับการเรือ คือ
    • เรือชั้น 1 คือ เรือที่มีผู้บังคับการเรือชั้นยศนาวาโทขึ้นไป
    • เรือชั้น 2 คือ เรือที่มีผู้บังคับการเรือชั้นยศนาวาตรี
    • เรือชั้น 3 คือ เรือที่มีผู้บังคับการเรือชั้นยศเรือเอก
  • เรือที่มีอัตราผู้ควบคุมเรือ จะไม่จัดเข้าอยู่ในชั้นใด และให้ถือเป็นเรือขนาดเล็ก

ระเบียบการแบ่งชั้นหมู่เรือ[แก้]

  • หมู่เรือชั้น 1 คือ หมู่เรือที่ประกอบด้วยเรือชั้น 1 ทั้งหมด หรือเรือชั้น 1 กับเรืออื่นๆ
  • หมู่เรือชั้น 2 คือ หมู่เรือที่ประกอบด้วยเรือชั้น 2 ทั้งหมด หรือเรือชั้น 2 กับเรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่เรือชั้น 1
  • หมู่เรือชั้น 3 คือ หมู่เรือที่ประกอบด้วยเรือชั้น 3 ทั้งหมด หรือเรือชั้น 3 กับเรือขนาดเล็ก หรือเรือขนาดเล็กทั้งหมด

หลักการแบ่งประเภทของเรือและคำย่อ[แก้]

ประเภท
(ไทย)
คำย่อ
(ไทย)
ประเภท
(อังกฤษ)
คำย่อ
(อังกฤษ)
ทร.
ไทย
1. เรือรบผิวน้ำ
1.1 เรือลาดตระเวนหนัก,เรือลาดตระเวนเบาลตห,ลตบheavy cruisers,light cruiser CA,CLเคยมี
1.2 เรือบรรทุกอากาศยานเรือ บฮ.aircraft CarrierCVมี
1.3 เรือพิฆาตเรือ พฆ.DestroyerDDไม่มี
1.4 เรือฟริเกตเรือ ฟก.Guided-missile FrigateFFGมี
FrigateFFมี
Patrol FrigatePFมี
1.5 เรือคอร์เวตเรือ คว.CorvetteFSมี
2. เรือเร็วโจมตีเรือ รจ.
2.1 เรือเร็วโจมตี (อาวุธปล่อยนำวิถี)เรือ รจอ.Fast Attack Craft (Guided-missile)FAC(M)มี
2.2 เรือเร็วโจมตี (ตอร์ปิโด)เรือ รจต.Fast Attack Craft (Torpedo)FAC(T)มี
2.3 เรือเร็วโจมตี (ปืน)เรือ รจป.Fast Attack Craft (Gun)FAC(G)มี
3. เรือดำน้ำเรือ ด.
3.1 เรือดำน้ำ (ธรรมดา)เรือ ด.Submarine, GeneralSSมี
3.2 เรือดำน้ำใกล้ฝั่งเรือ ดก.Submarine, CoastalSSCไม่มี
3.3 เรือดำน้ำเล็กเรือ ดล.Midget SubmarineSSMไม่มี
4. เรือตรวจการณ์เรือ ตก.
4.1 เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งเรือ ตกก.Ocean Patrol VesselOPVมี
4.2 เรือตรวจการณ์ (ปราบเรือดำน้ำ)เรือ ตกด.Patrol Craft (Anti-submarine)PCมี
4.3 เรือตรวจการณ์ (ปืน)เรือ ตกป.Patrol Craft (Gun)PGมี
4.4 เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งเรือ ตกฝ.Coastal Patrol CraftPGMมี
4.5 เรือตรวจการณ์ชายฝั่งเรือ ตกช.Inshore Patrol CraftPCFมี
5. เรือตรวจการณ์ลำน้ำเรือ ตล.
5.1 เรือเร็วตรวจการณ์ลำน้ำเรือ รตล.River Patrol BoatPBRมี
5.2 เรือยนต์ตรวจการณ์ลำน้ำเรือ ยตล.River Patrol CraftRPCมี
6. เรือจู่โจมลำน้ำเรือ จล.
6.1 เรือจู่โจมลำน้ำ (เครื่องติดท้าย)เรือ จลค.Outboard Motor Assault BoatAB(M)มี
6.2 เรือจู่โจมลำน้ำ (เครื่องพ่นน้ำ)เรือ จลพ.Hydro Jet Assault BoatAB(H)มี
7. เรือยกพลขึ้นบกเรือ ยพ.
7.1 เรือบัญชาการและสนับสนุนการยกพลขึ้นบกเรือ บยพ.Amphibious Command and Support ShipLCCไม่มี
7.2 เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่เรือ ยพญ.Landing Ship, TankLSTมี
7.3 เรือยกพลขึ้นบกขนาดกลางเรือ ยพก.Landing Ship, MediumLSMไม่มี
7.4 เรือยกพลขึ้นบกขนาดเล็กเรือ ยพล.Landing Ship, Infantry, LargeLSILไม่มี
7.5 เรือระบายพลขนาดใหญ่เรือ รพญ.Landing Craft, UtilityLCUมี
7.6 เรือระบายพลขนาดกลางเรือ รพก.Landing Craft, MechanizedLCMมี
7.7 เรือระบายพลขนาดเล็กเรือ รพล.Landing Craft, Vehicle, PersonnelLCVPมี
Landing Craft, Personnel, LargeLCPLมี
7.8 เรือสนับสนุนการยกพลขึ้นบกเรือ สยพ.Landing Ship Support, LargeLSSLไม่มี
7.9 เรือหุ้มเกราะลำเลียงพลเรือ หกล.Mini-Armoured Troop CarrierMATCมี
8. เรือทุ่นระเบิด
8.1 เรือต่อต้านทุ่นระเบิดเรือ ตท.Mine Countermeasures ShipMCM
8.1.1 เรือกวาดทุ่นระเบิดเรือ กท.Mine SweeperMS
8.1.1.1 เรือกวาดทุ่นระเบิดไกลฝั่งเรือ กทก.Mine Sweeper, OceanMSOมี
8.1.1.2 เรือกวาดทุ่นระเบิดใกล้ฝั่งเรือ กทฝ.Mine Sweeper, CoastalMSCมี
8.1.1.3 เรือกวาดทุ่นระเบิดชายฝั่งเรือ กทช.Mine Sweeper, InshoreMSIไม่มี
8.1.1.4 เรือกวาดทุ่นระเบิดน้ำตื้นเรือ กทต.Motor Launch Mine SweeperMLMSมี
Mine Sweeping BoatMSBมี
8.1.2 เรือล่าทำลายทุ่นระเบิดเรือ ลท.Mine HunterMH
8.1.2.1 เรือล่าทำลายทุ่นระเบิดใกล้ฝั่งเรือ ลทฝ.Mine Hunter, CoastalMHCมี
8.1.2.2 เรือล่าทำลายทุ่นระเบิดชายฝั่งเรือ ลทช.Mine Hunter, InshoreMHIมี
8.2 เรือวางทุ่นระเบิดเรือ วท.Mine LayerML
8.2.1 เรือวางทุ่นระเบิดใกล้ฝั่งเรือ วทฝ.Mine Layer, CoastalMLCไม่มี
8.2.2 เรือวางทุ่นระเบิดชายฝั่งเรือ วทช.Mine Layer, InshoreMLIไม่มี
8.3 เรือสนับสนุนการต่อต้านทุ่นระเบิดเรือ สตท.Mine Countermeasures Support ShipMCSมี
9. เรือส่งกำลังบำรุงเรือ สก.
9.1 เรือส่งกำลังบำรุงขนาดใหญ่เรือ สกญ.Replenishment Ship, LargeAOR(H)มี
9.2 เรือส่งกำลังบำรุงขนาดกลางเรือ สกก.Replenishment Ship, MediumAOR(L)ไม่มี
9.3 เรือส่งกำลังบำรุงขนาดเล็กเรือ สกล.มี
9.4 เรือน้ำมันเรือ นม.Oil BargeYOมี
Gasoline BargeYOGมี
9.5 เรือน้ำเรือ น.Water BargeYWมี
10. เรือลากจูงเรือ ลจ.
10.1 เรือลากจูงขนาดใหญ่เรือ ลจญ.Harbour Tug, LargeYTBมี
10.2 เรือลากจูงขนาดกลางเรือ ลจก.Harbour Tug, MediumYTMมี
10.3 เรือลากจูงขนาดเล็กเรือ ลจล.Harbour Tug, SmallYTLมี
11. เรือลำเลียงเรือ ลล.
11.1 เรือลำเลียงทหารเรือ ลลท.Personnel TransportAPมี
11.2 เรือลำเลียงพัสดุเรือ ลลพ.Light Cargo ShipAKLไม่มี
11.3 เรือเสบียงเรือ ลลส.Store Issue ShipAKSมี
12. เรือสำรวจเรือ สร.
12.1 เรือสำรวจขนาดใหญ่เรือ สรญ.Oceanographic Research ShipAGORมี
12.2 เรือสำรวจขนาดเล็กเรือ สรฝ.Surveying Ship, CoastalAGSCมี
13. เรือพี่เลี้ยงเรือ พล.
13.1 เรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำเรือ พลด.Submarine TenderASไม่มี
14. เรือช่วยรบอื่นๆ
14.1 เรือกู้ซ่อมเรือ กซ.Salvage ShipARSไม่มี
14.2 เรือช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือ ชภ.Salvage and Rescue ShipATSมี
14.3 เรือพยาบาลเรือ พย.Hospital ShipAHไม่มี
14.4 เรือโรงงานเรือ รง.Repair ShipARไม่มี
14.5 เรืออู่แห้งเรือ อห.Floating Dry DockAFDไม่มี
15. เรือใช้ในกิจการพิเศษอื่นๆ
15.1 เรือขจัดคราบน้ำมันเรือ คม.Pollution Control Vesselไม่มี
15.2 เรือขุดลอกเรือ ขล.DredgerYMไม่มี
15.3 เรือใช้งานเครื่องหมายทางเรือเรือ งคร.Navigation Aids Service Ship/Buoy TenderABUมี
15.4 เรือฝึกเรือ ฝ.Training ShipAXไม่มี
15.5 เรือพระที่นั่งRoyal YachtYACมี

ที่ตั้งสำคัญของกองทัพเรือไทย[แก้]


ในส่วนกองบัญชาการกองทัพเรือไทย มีที่ตั้งหลักอยู่ในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และริมชายฝั่งทะเลทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน 3 แห่ง คือ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ พื้นที่ภาคตะวันออกในจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด พื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออกในจังหวัดสงขลาและนราธิวาส และพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตกในจังหวัดพังงา ภูเก็ต และสตูล เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือทั้งในส่วนของกองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ปฏิบัติการ
ในส่วนกองบัญชาการทัพเรือภาค มีหน้าที่จัดการและควบคุมพื้นที่ทางน้ำ สั่งการปฏิบัติการใช้กำลังรบของกองทัพเรือ มีพื้นที่รับผิดชอบ 3 แห่ง คือ ทัพเรือภาคที่ 1 อ่าวไทยตอนบน ทัพเรือภาคที่ 2 อ่าวไทยตอนล่าง และทัพเรือภาคที่ 3 ทะเลอันดามัน และมีผู้บัญชาการทัพเรือภาคชั้นยศพลเรือโท
ในส่วนฐานทัพเรือมี 4 แห่งตามพื้นที่เช่นกัน คือ ฐานทัพเรือกรุงเทพ สัตหีบ สงขลา และพังงา ตามลำดับ โดยฐานทัพเรือสัตหีบจะมีสถานะใหญ่กว่าอีก 3 แห่งที่เหลือ ขึ้นตรงต่อกองทัพเรือโดยตรง และมีผู้บัญชาการฐานทัพเรือชั้นยศพลเรือโท ส่วนฐานทัพเรือกรุงเทพ สงขลา และพังงา มีสถานะรองลงไป ขึ้นตรงต่อทัพเรือภาคที่ 1 2 และ 3 ตามลำดับ และมีผู้บัญชาการฐานทัพเรือชั้นยศพลเรือตรี

ชื่อสถานที่เขต/อำเภอจังหวัดหน่วยงาน
1. พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
1.1 กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม และวังนันทอุทยานบางกอกน้อยกรุงเทพมหานครหลายหน่วย
1.2 ฐานทัพเรือกรุงเทพธนบุรีกรุงเทพมหานครฐานทัพเรือกรุงเทพ
1.2.1 ท่าเทียบเรือป้อมพระจุลจอมเกล้าพระสมุทรเจดีย์สมุทรปราการฐานทัพเรือกรุงเทพ
1.2.2 หอประชุมกองทัพเรือบางกอกน้อยกรุงเทพมหานครกิจการหอประชุมกองทัพเรือ
1.3 ท่าเทียบเรือกองเรือลำน้ำบางกอกน้อยกรุงเทพมหานครกองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ
1.4 ท่าเทียบเรือกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการบางนากรุงเทพมหานครกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กองเรือยุทธการ
1.5 ท่าเทียบเรือกองเรือทุ่นระเบิดพระสมุทรเจดีย์สมุทรปราการกองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ
1.6 อู่ทหารเรือธนบุรีธนบุรีกรุงเทพมหานครกรมอู่ทหารเรือ
1.7 อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้าพระสมุทรเจดีย์สมุทรปราการกรมอู่ทหารเรือ
1.8 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 13 (โครงการ)พระสมุทรเจดีย์สมุทรปราการกรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
2. พื้นที่ภาคตะวันออก
2 กองบัญชาการกองเรือยุทธการสัตหีบชลบุรีกองทัพเรือ
2.1 กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1สัตหีบชลบุรีทัพเรือภาคที่ 1
2.2 ฐานทัพเรือสัตหีบสัตหีบชลบุรีฐานทัพเรือสัตหีบ
2.2.1 ท่าเทียบเรือแหลมเทียนสัตหีบชลบุรีฐานทัพเรือสัตหีบ
2.2.2 ท่าเทียบเรือน้ำลึกจุกเสม็ดสัตหีบชลบุรีท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ-กองทัพเรือ
2.2.3 สถานีตรวจสอบและลบล้างแม่เหล็กเรือสัตหีบชลบุรีฐานทัพเรือสัตหีบ
2.3 ท่าเทียบเรือทุ่งโปรงสัตหีบชลบุรีกรมสรรพาวุธทหารเรือ
2.4 อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดชสัตหีบชลบุรีกรมอู่ทหารเรือ
2.5 ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราดแหลมงอบตราดทัพเรือภาคที่ 1
2.6 สนามบินอู่ตะเภาบ้านฉางระยองกองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ
2.7 สนามบินท่าใหม่ท่าใหม่จันทบุรีหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
2.8 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 11บ้านฉางระยองกรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
2.9 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 12ศรีราชาชลบุรีกรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
2.10 กองพันรักษาฝั่งที่ 13สัตหีบชลบุรีกรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
2.11 ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้าสัตหีบชลบุรีกองพันทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน
2.12 ค่ายตากสินเมืองจันทบุรีกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน
2.13 ค่ายกรมหลวงชุมพรสัตหีบชลบุรีกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน
2.14 ค่ายมหาสุรสิงหนาทเมืองระยองกองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน
3. พื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก
3.1 กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 2เมืองสงขลาทัพเรือภาคที่ 2
3.2 ฐานทัพเรือสงขลาเมืองสงขลาฐานทัพเรือสงขลา
3.2.1 ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลาเมืองสงขลาฐานทัพเรือสงขลา
3.2.2 สนามบินทหารเรือสงขลาเมืองสงขลาฐานทัพเรือสงขลา
3.3 สนามบินบ้านทอนเมืองนราธิวาสหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
3.4 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 21 (โครงการ)ขนอมนครศรีธรรมราชกรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
3.5 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 23 (โครงการ)เมืองสงขลากรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
3.6 กองพันรักษาฝั่งที่ 12 (โครงการ)เมืองสงขลากรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
3.7 ค่ายกรมหลวงสงขลานครินทร์เมืองสงขลากองพันทหารราบที่ 8 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน
3.8 ค่ายจุฬาภรณ์เมืองนราธิวาสกองพันทหารราบที่ 9 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน
4. พื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตก
4.1 กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3เมืองภูเก็ตทัพเรือภาคที่ 3
4.2 ฐานทัพเรือพังงาท้ายเหมืองพังงาฐานทัพเรือพังงา
4.2.1 ท่าเทียบเรือทับละมุท้ายเหมืองพังงาฐานทัพเรือพังงา
4.2.2 สถานีเรือละงูละงูสตูลฐานทัพเรือพังงา
4.3 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22ท้ายเหมืองพังงากรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
4.4 กองพันรักษาฝั่งที่ 11 (โครงการ)ท้ายเหมืองพังงากรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
5. พื้นที่อื่นๆ
5.1 สถานีเรือเชียงแสนเชียงแสนเชียงรายหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.2 สถานีเรือเชียงของเชียงของเชียงรายหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.3 สถานีเรือเชียงคานเชียงคานเลยหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.4 สถานีเรือสังคมสังคมหนองคายหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.5 สถานีเรือหนองคายเมืองหนองคายหนองคายหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.6 สถานีเรือรัตนวาปีรัตนวาปีหนองคายหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.7 สถานีเรือโพนพิสัยโพนพิสัยหนองคายหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.8 สถานีเรือบึงกาฬเมืองบึงกาฬบึงกาฬหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.9 สถานีเรือศรีเชียงใหม่ศรีเชียงใหม่หนองคายหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.10 สถานีเรือบ้านแพงบ้านแพงนครพนมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.11 สถานีเรือนครพนมเมืองนครพนมนครพนมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.12 สถานีเรือธาตุพนมธาตุพนมนครพนมหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.13 สถานีเรือมุกดาหารเมืองมุกดาหารมุกดาหารหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.14 สถานีเรือเขมราฐเขมราฐอุบลราชธานีหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.15 สถานีเรือโขงเจียมโขงเจียมอุบลราชธานีหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง
5.16 ท่าเทียบเรือสถานีสมุทรศาสตร์หัวหินหัวหินประจวบคีรีขันธ์กรมอุทกศาสตร์
5.17 สถานีเรือสมุยเกาะสมุยสุราษฎร์ธานี

อ้างอิง

  1. กระโดดขึ้น ธงทั้งสองอย่างนี้นับเป็นคนละธง แต่ลักษณะของธงตามที่บรรยายไว้ในพระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522 นั้น เป็นลักษณะอย่างเดียวกัน
  2. กระโดดขึ้น พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551
  3. กระโดดขึ้น "พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพเรือ กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2552"ราชกิจจานุเบกษา. สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี. 30 มีนาคม 2552. สืบค้นเมื่อ 22 สิงหาคม 2553.
  4. กระโดดขึ้น มาตรา 4(8)แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497
  5. กระโดดขึ้น มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521
  6. กระโดดขึ้น hhttp://thaipublica.org/2013/08/frigate/
  7. กระโดดขึ้น http://thaidefense-news.blogspot.com/2013/08/blog-post_27.html#more
  8. กระโดดขึ้น http://thaidefense-news.blogspot.com/2013/08/blog-post_27.html#more

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กองทัพทหารรักษาพระองค์

หน่วยรบพิเศษกองทัพไทย